by

ยาสเตตินช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคได้จริงหรือ

ยาสเตติน (statins) เป็นกลุ่มยาลดไขมัน ใช้เป็นยาลดระดับคอเลสเตอรอลในกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด จากภาวะไขมันสูงกว่าปกติ ยอดขายยากลุ่มนี้ในสหรัฐอเมริกาเมื่อ ค.ศ.2009 สูงถึง 1 ล้านล้านเยน (ประมาณ 272,000 ล้านบาท) ใน ค.ศ. 2004 มีการแก้ไข “National Cholesterol Education Program (NCEP)” ของสหรัฐอเมริกา โดยมีการเสนอแนะให้ลดค่ามาตรฐานของไขมันไม่ดีลงมา ซึ่งไม่มีข้อมูลรองรับให้เชื่อถือได้เลย ทั้งผมยังรู้ด้วยว่ากรรมการ 8 ใน 9 ได้รับเงินจากธุรกิจผลิตยาจนเกิดการประท้วง ที่ไหนๆก็วางแผนลดค่ามาตรฐานให้มากที่สุด เพื่อดึงยอดขายยาเหมือนกันไปหมด

ทว่าฤทธิ์ของยาสเตตินที่ขายได้ทั่วโลกนั้นน่ากังขาครับ
เหตุผลที่ต้องถึงขั้นกินยาลดคลอเลสเตอรอลในเลือดเพราะถูกทำให้คิดว่า “หากตัวเลขสูงจะเกิดสภาวะเส้นเลือดตีบ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจได้ง่าย”

แล้วการกินยาประเภทสเตตินช่วยปกป้องโรคได้ขนาดไหน พอดูข้อมูลแล้วผมถึงกับตกใจ ความเป็นไปได้น้อยกว่าการถูกลอตเตอรี่เสียอีก เพราะไม่มีข้อพิสูจน์ตรงๆว่ายาจะใช้ได้ผล

ตอนที่หนังสือพิมพ์ของสหรัฐอเมริกาลงโฆษณายาที่มีการค้าว่า “Lipitor” ซึ่งอยู่ในกลุ่มยาลดไขมัน ได้พิมพ์ตัวหนังสือเล็กๆไว้้นอกกรอบว่า “จากการทดสอบทางคลินิกพบว่า 3% ของคนไข้ที่ได้รับยาพลาซิโบ (placebo) หรือ ยาหลอก มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะที่คนไข้ที่ได้รับยา Lipitor หัวใจวายเฉียบพลันอยู่ 2%”

บริษัทผลิตยารอให้เวลาผ่านไปสัก 3ปี 4เดือนแล้วจึงสำรวจผู้เข้ารับการทดลอง 100 คน พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก 3 คนเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ส่วนผู้รับยา Lipitor มีอาการ 2 คน ส่วนต่างเพียงแค่ 1 คนเท่านั้นอีก 99 คนนั้นไม่ว่าจะกินยา Lipitor หรือไม่ก็ยังมีอาการหัวใจวายอยู่เช่นกัน

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาลงทันทำการทดลองเกี่ยวกับผลของกลุ่มยาสเตตินแบบเดียวกัน แล้วก็ได้ผลลัพธ์ออกมาว่า “โดยทางสถิติแล้ว สรรพคุณของตัวยาไม่อาจยืนยันได้”

ผู้ผลิตยากล่าวว่า “กลุ่มยาสเตตินเป็นยาที่ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้มากกว่า 30% หากใช้ติดต่อกันนานๆ” ทว่าศาสตราจารย์โจเซฟ คอนเนอร์ แห่งมหาลัยบริติชโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ทำการทดลองทางคลินิกซ้ำและออกมาเตือนว่า “ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร ยากลุ่มสเตตินแม้จะทำให้คอเลสเตอรอลตัวไม่ดีลดฮวบฮาบในกลุ่มชายวัยกลางคน แต่ไม่ได้ลดจำนวนการเสียชีวิต และยากลุ่มนี้ยังไม่มีผลต่อผู้หญิง สรุปได้ว่านอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังเป็นอัตรายต่อสุขภาพอีกด้วย”

 

ขอบคุณภาพจาก : med.mahidol. ac.th

ขอบคุณบทความจาก : หนังสืออย่าให้หมอฆ่าคุณ